โรคกลัวแสงสว่าง หรือที่เรียกว่า Phonophobia หรือ Light Sensitivity เป็นอาการที่บุคคลรู้สึกไวต่อแสงสว่างมากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่สบายใจหรือความกลัวเมื่อสัมผัสกับแสงสว่าง โรคนี้เป็นหนึ่งในอาการที่มักพบในหลายโรคและภาวะต่าง ๆ เช่น ไมเกรน, โรคทางจิตเวช, และโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
อาการของโรคนี้อาจแตกต่างกันไปตามระดับความไวของแต่ละคน โดยบางคนอาจรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย แต่บางคนอาจรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรงเมื่อสัมผัสกับแสงสว่าง
ผู้ที่มีอาการกลัวแสงสว่างมักจะรู้สึกไม่สบายเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีแสงจ้า เช่น แสงแดดในเวลากลางวัน หรือแสงไฟจากอุปกรณ์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกปวดศีรษะ รู้สึกคลื่นไส้ มีปัญหาในการมองเห็น เช่น การมองเห็นภาพเบลอ หรือแสงแยงตา อาการเหล่านี้อาจทำให้บุคคลรู้สึกไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
ในบางกรณี โรคนี้สามารถทำให้เกิดความเครียดหรือความวิตกกังวลได้ หากผู้ป่วยต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างมากเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดง่าย มีความรู้สึกเหมือนต้องการหลบหนีออกจากสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ
โรคกลัวแสงสว่างอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การมีภาวะไมเกรน ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง โดยหนึ่งในอาการของไมเกรนคือความไวต่อแสงสว่าง นอกจากนี้ ภาวะเครียดหรือโรคจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้าหรือโรควิตกกังวล อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดอาการไวต่อแสงได้เช่นกัน
บางคนอาจมีปัญหาด้านสายตา เช่น โรคต้อกระจก หรือโรคทางประสาทตา ที่ทำให้ดวงตาของบุคคลมีความไวต่อแสงสว่างมากกว่าปกติ นอกจากนี้ อาการไวต่อแสงยังสามารถเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด หรือการสัมผัสกับสารเคมีที่ส่งผลต่อระบบประสาท
วิธีการรักษาโรคกลัวแสงสว่างจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุและระดับความรุนแรงของอาการ การรักษาอาจเริ่มต้นด้วยการหาสาเหตุของอาการไวต่อแสงและแก้ไขที่ต้นเหตุ เช่น หากเกิดจากไมเกรน ผู้ป่วยอาจได้รับยาปรับสมดุลประสาทหรือยาลดอาการปวดศีรษะ
นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีแสงสว่างมาก เช่น การใช้แว่นกันแดด การติดตั้งผ้าม่านเพื่อควบคุมแสงในบ้าน และการใช้แสงสีอ่อนที่ไม่สว่างจ้า อาจช่วยลดความรู้สึกไม่สบายได้
การปรับพฤติกรรมยังเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น การลดการใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือในสภาพแวดล้อมที่มืด การพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและระบบประสาท
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการกลัวแสงอย่างรุนแรง อาจต้องรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการแพ้แสงเพื่อลดความวิตกกังวลและเพิ่มคุณภาพชีวิต
โรคกลัวแสงสว่างอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยได้มาก แต่ด้วยการดูแลและการรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอาการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สนับสนุนโดย เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล