การค้นพบหินลึกลับแห่งนิวแฮมป์เชียร์

หินลึกลับแห่งนิวแฮมป์เชียร์ (Mystery Hill) หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า “อเมริกาสโตนเฮนจ์” (America’s Stonehenge) เป็นสถานที่ที่ดึงดูดความสนใจของนักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกมานานหลายทศวรรษ สถานที่นี้ตั้งอยู่ในเมืองซาเลม รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในปริศนาทางโบราณคดีที่ใหญ่ที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือ ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตาและความลึกลับที่รายล้อม หินลึกลับนี้ได้สร้างความทึ่งแก่ผู้คนที่มาเยี่ยมชมและค้นคว้ามานานหลายปี อเมริกาสโตนเฮนจ์เป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่ที่ถูกวางเรียงกันในลักษณะที่คล้ายคลึงกับสโตนเฮนจ์ในประเทศอังกฤษ โดยโครงสร้างนี้ประกอบไปด้วยหินที่มีขนาดแตกต่างกันตั้งแต่ก้อนเล็ก ๆ ไปจนถึงหินขนาดใหญ่ บางส่วนถูกนำมาจัดเรียงกันเพื่อสร้างเป็นโครงสร้างรูปวงกลม ซึ่งดูคล้ายกับการตั้งเสาระหว่างหินหลายๆ ก้อน นอกจากนี้ยังมีหินอีกหลายก้อนที่มีลักษณะเป็นโต๊ะหิน หรือแท่นบูชา ซึ่งบางคนเชื่อว่าอาจถูกใช้ในพิธีกรรมบางอย่าง   แม้ว่าบางคนอาจมองว่าอเมริกาสโตนเฮนจ์เป็นสิ่งก่อสร้างจากชาวยุโรปที่มาอพยพในยุคอาณานิคม แต่มีหลักฐานบางส่วนที่แสดงให้เห็นว่าโครงสร้างหินเหล่านี้อาจมีอายุมากกว่าที่คาดกันไว้ นักวิจัยบางคนเชื่อว่าสถานที่นี้อาจมีความเก่าแก่ถึง 4,000 ปี ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับต้นกำเนิดและการใช้งานของหินเหล่านี้   ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับหินลึกลับแห่งนิวแฮมป์เชียร์มีหลากหลาย โดยนักวิชาการบางคนเชื่อว่าหินเหล่านี้อาจถูกสร้างขึ้นโดยชนพื้นเมืองอเมริกันโบราณ ในขณะที่บางคนเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มชนจากยุโรป ที่มาถึงอเมริกาก่อนคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ทฤษฎีอีกส่วนหนึ่งมองว่าโครงสร้างเหล่านี้อาจมีวัตถุประสงค์ทางดาราศาสตร์ เช่น ใช้ในการติดตามฤดูกาลและการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์   นักวิจัยได้ศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างการวางตำแหน่งของหินกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ เช่น สุริยุปราคาและฤดูเก็บเกี่ยว การจัดวางหินในลักษณะที่สามารถชี้ไปยังตำแหน่งดวงอาทิตย์ในวันสำคัญทางดาราศาสตร์ เช่น วันเหมายันและวันครีษมายัน ทำให้มีความเชื่อว่าสถานที่นี้อาจถูกใช้เป็นปฏิทินโบราณเพื่อช่วยในการวางแผนเกษตรกรรมและพิธีกรรมทางศาสนา การสำรวจหินลึกลับแห่งนิวแฮมป์เชียร์เริ่มต้นในช่วงปี ค.ศ. 1930 โดยนักวิจัยที่สนใจในโบราณคดีท้องถิ่น ซึ่งพบว่าหินเหล่านี้ถูกเรียงในลักษณะที่ซับซ้อน นักโบราณคดีหลายคนได้ทำการขุดค้นและศึกษาวัตถุโบราณที่พบในพื้นที่ เช่น […]