“ผู้ชายเหลือทิ้ง” ความไม่สมดุลของชาย-หญิงในจีน 

ความไม่สมดุลของประชากรเพศชายและเพศหญิงในประเทศจีนเป็นปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบในวงกว้างและมีรากฐานมาจากนโยบายและค่านิยมทางวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกมาเป็นเวลานาน ปัจจัยหลักที่ทำให้จีนต้องเผชิญกับปัญหาผู้ชายล้นเมืองมาจาก นโยบายลูกคนเดียว ที่เริ่มใช้ในปี 1979 ความไม่สมดุลของชาย-หญิงในจีน  และแนวคิดดั้งเดิมที่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว ทำให้เกิดการทำแท้งเลือกเพศและการทอดทิ้งทารกเพศหญิง ซึ่งท้ายที่สุดส่งผลให้จำนวนประชากรเพศชายสูงกว่าประชากรเพศหญิงอย่างผิดปกติ   ต้นเหตุของปัญหา  นโยบายลูกคนเดียว      ประเทศจีนบังคับใช้นโยบายลูกคนเดียวอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมจำนวนประชากรที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ครอบครัวที่สามารถมีลูกได้เพียงคนเดียวมักต้องการลูกชายมากกว่าลูกสาว เพราะเชื่อว่าลูกชายสามารถสืบทอดตระกูล ดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า และเป็นผู้สร้างรายได้หลักของครอบครัว     ค่านิยมลูกชายสำคัญกว่าลูกสาว     ในวัฒนธรรมจีนโบราณ ลูกชายมีบทบาทสำคัญมากกว่าลูกสาว พวกเขาถูกมองว่าเป็นผู้สืบทอดสายตระกูลและสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้เมื่อแก่ชรา ขณะที่ลูกสาวเมื่อแต่งงานจะกลายเป็นสมาชิกของครอบครัวสามี ซึ่งทำให้หลายครอบครัวจีนมองว่าการมีลูกสาวเป็น “การสูญเสียแรงงานและทรัพยากร”     การเลือกเพศบุตรและเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์     เมื่อเทคโนโลยีการตรวจสอบเพศของทารกในครรภ์เริ่มแพร่หลาย การทำแท้งเลือกเพศจึงกลายเป็นเรื่องปกติ ครอบครัวที่ต้องการลูกชายและพบว่าทารกในครรภ์เป็นเพศหญิงก็มักเลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนประชากรชายหญิงเบี่ยงเบนจากภาวะปกติ     ผลกระทบจากปัญหาประชากรชายล้นเมือง “ผู้ชายเหลือทิ้ง” (Bare Branches)    ผู้ชายหลายล้านคนในจีนพบว่าตัวเองไม่มีโอกาสแต่งงาน เนื่องจากผู้หญิงมีจำนวนน้อยลงมาก ทำให้ผู้ชายที่มีฐานะไม่ดี ไม่มีการศึกษาสูง หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทไม่มีทางเลือกในการหาคู่ชีวิต คนกลุ่มนี้ถูกเรียกว่า “Bare Branches” ซึ่งหมายถึงกิ่งก้านที่ไม่สามารถออกดอกออกผล หมายถึงชายที่ไม่สามารถแต่งงานและสร้างครอบครัวได้    การแต่งงานข้ามพรมแดนและการค้ามนุษย์      ด้วยจำนวนผู้หญิงที่ลดลงอย่างมาก ทำให้เกิดปรากฏการณ์การแต่งงานข้ามพรมแดน โดยชายชาวจีนจำนวนมากหันไปหาคู่สมรสจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา อย่างไรก็ตาม […]