ตุ่มที่อวัยวะเพศ เสี่ยงเป็นโรคอะไรได้บ้าง 

การพบ ตุ่มหรือก้อนบริเวณอวัยวะเพศ เป็นสิ่งที่อาจสร้างความกังวลใจอย่างมาก แต่ไม่ใช่ทุกกรณีที่ตุ่มเหล่านี้จะเป็นอันตราย ในบางครั้งตุ่มอาจเกิดจากสาเหตุทั่วไป เช่น การระคายเคืองหรือการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม การระบุลักษณะและที่มาของตุ่มเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ 

  1. สาเหตุที่พบได้ทั่วไป

– รูขุมขนอักเสบ (Folliculitis): เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราในรูขุมขน มักปรากฏเป็นตุ่มแดงเล็กๆ และมีหนอง สามารถเกิดขึ้นได้หลังการโกนขนหรือการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น

– ซีสต์ (Cyst): เป็นก้อนใต้ผิวหนังที่เกิดจากการอุดตันของต่อมน้ำมันในผิวหนัง มักไม่เจ็บและไม่เป็นอันตราย

– ผื่นภูมิแพ้หรือผื่นแพ้สัมผัส: การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือสารเคมีบางชนิดที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

 

  1. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD)

ตุ่มหรือก้อนบริเวณอวัยวะเพศอาจเป็นสัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งบางโรคมีความร้ายแรงและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ตัวอย่างเช่น:

– หูดที่อวัยวะเพศ (Genital Warts): เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ สีเนื้อหรือชมพู สามารถกระจายตัวได้

– เริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes): เกิดจากเชื้อไวรัส HSV มักเริ่มต้นด้วยอาการเจ็บ คัน และมีตุ่มน้ำใสที่แตกเป็นแผลตื้นๆ

– ซิฟิลิส (Syphilis): ระยะเริ่มต้นมักมีตุ่มหรือแผลเจ็บเล็กๆ ที่อวัยวะเพศ ซึ่งหายได้เองแต่โรคยังคงลุกลามต่อไป

– หนองในเทียมและหนองในแท้ (Chlamydia and Gonorrhea): บางครั้งอาจทำให้เกิดตุ่มเล็กๆ หรือแผลที่อวัยวะเพศ ร่วมกับอาการปัสสาวะแสบขัด

 

  1. โรคผิวหนัง

– ผิวหนังอักเสบชนิดเรื้อรัง (Lichen Sclerosus): ทำให้เกิดตุ่มสีขาวที่มีอาการคัน และอาจนำไปสู่การเกิดแผลเป็น

– ตุ่มจากโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis): อาจทำให้เกิดผื่นแดงและตุ่มที่มีขุยบริเวณอวัยวะเพศ

– โรคเชื้อราที่ผิวหนัง (Fungal Infection): เช่น โรคกลากที่เกิดจากความอับชื้น

 

  1. ความผิดปกติที่ร้ายแรง

– มะเร็งผิวหนัง (Skin Cancer): ตุ่มหรือแผลที่ไม่หายเองภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยเฉพาะตุ่มที่มีเลือดออกหรือเจ็บ ควรพบแพทย์ทันที

– มะเร็งอวัยวะเพศ: เป็นโรคที่พบได้น้อยแต่มีความร้ายแรง โดยมักเริ่มจากตุ่มหรือก้อนที่ขยายตัวและอาจมีแผลเรื้อรัง

 

  1. วิธีดูแลและการรักษา

หากพบตุ่มบริเวณอวัยวะเพศ ควร:

– สังเกตลักษณะ: ขนาด สี จำนวน และอาการร่วม เช่น คัน เจ็บ หรือมีหนอง

– หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะ: เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ

– รักษาความสะอาด: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน

– พบแพทย์: หากตุ่มมีลักษณะผิดปกติ ไม่หายเอง หรือมีอาการอื่นร่วม เช่น ไข้หรือปวดมาก

 

สรุป

ตุ่มที่อวัยวะเพศอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การระคายเคืองเล็กน้อยจนถึงโรคที่ร้ายแรง การตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      เครื่องช่วยฟังโรงพยาบาลรัฐ